ระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบมีศูนย์กลาง กับ ไม่มีศูนย์กลาง มีความแตกต่างอย่างไร
การจัดเก็บข้อมูลแบบมีศูนย์กลาง (Centralized) เป็นการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ที่ฐานข้อมูลศูนย์กลางเพียงจุดเดียว ซึ่ง สิทธิ์การดูแล การเข้าถึงการแก้ไข และการตรวจสอบเป็นของผู้ใดผู้หนึ่งเพียงผู้เดียวดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะถูกแก้ไข หรือ สูญหายได้ง่าย
สำหรับการจัดเก็บข้อมูลแบบไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) ซึ่งเป็นแนวคิดของระบบ Blockchain นั้น เป็นการจัดเก็บข้อมูล ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของทุกคนในระบบโดยทุกคนมีสิทธิ์ในการเข้าถึงและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้เท่าเทียมกัน ดังนั้นการแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูลจึงเป็นไปได้ยาก เพราะต้องแก้ไขทุกชุดข้อมูลที่ทุกคนมีการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบนี้ยังช่วยลดความเสี่ยง ที่ข้อมูลจะสูญหายได้ด้วย

ตัวอย่างการนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้

ทางด้านการแพทย์ :

ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลประวัติสุขภาพแล้วแบ่งปันให้ทุกโรงพยาบาลสามารถเข้าถึงประวัติการรักษาที่ ผ่านมาของคนไข้แต่ละรายได้ง่าย ทำให้การรักษารวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทางด้านการขนส่ง :

นำมาช่วยตรวจสอบเส้นทางการขนส่งและสถานะของสินค้าทำให้สินค้าส่งถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย และรวดเร็ว

ทางด้านธุรกรรมการเงิน :

นำมาใช้ในการทำ KYC เพื่อป้องกันการปลอมแปลงหรือการแอบอ้างใช้ข้อมูล รวมไปถึงการป้องกัน การฉ้อโกงออนไลน์หรือนำมาใช้ในการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยให้ระยะเวลาในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมลดน้อยลง

ทางด้านการเกษตร :

นำมาใช้ในการจัดเก็บข้อมูลการผลิตด้านการเกษตรการขนส่งวัตถุดิบต่างๆ ทำให้ข้อมูลที่ผู้บริโภคต้องการ มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น วันที่ผลิต วันหมดอายุ ชนิดของวัตถุดิบ เป็นต้น

ทางด้านความมั่นคง :

นำมาใช้งานร่วมกับข้อมูลทางกายภาพของบุคคล เช่น ลายนิ้วมือใบหน้า เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตน ป้องกันกระบวนการก่อการร้ายระหว่างประเทศ

ทางด้านสื่อบันเทิง :

นำมาช่วยจัดเก็บข้อมูลผู้ผลิตผลงานและลดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์นำเทคโนโลยี Blockchain มาสร้าง streaming platform ที่ผู้ฟังสามารถจ่ายเงินให้ศิลปินได้โดยตรง ปราศจากคนกลางทำให้ศิลปินได้รับผลตอบแทนมากขึ้น